7.11.2555
รับตรง หลักสูตรทัศนมาตรศาสตรบัณฑิต ม.นเรศวร 2556
| : โครงการ : โครงการผู้มีความสามารถทางด้านทัศนมาตรศาสตร์ :: | |
| ประเภทโครงการ : | โครงการพิเศษ |
| วันที่เริ่มต้นรับสมัคร : | 10/7/2555 |
| วันที่สิ้นสุดการรับสมัคร : | 16/9/2555 |
| สถานะการเปิดรับสมัคร : | เปิดรับสมัคร |
| ค่าสมัคร : | 250.00 บาท |
| จำนวนสาขาวิชาที่สามารถเลือกสมัครได้ : | 1 อันดับ |
| GPA ที่ใช้ในการสมัคร : | GPA 4 ภาคเรียน |
| เอกสารรายละเอียดโครงการ : | คลิกเพื่อดาวน์โหลด |
สำหรับเราๆ ท่านๆ นั้น ความรู้ทั่วไปเมื่อสายตาเริ่มมองไม่ชัด ไม่ว่าจะเป็นสั้น-ยาว-เอียง สิ่งที่ทำกันเป็นปกติคือเดินเข้าร้านแว่น วัดสายตา และตัดแว่นให้เหมาะกับสายตาของเรา หากแต่ประการสำคัญที่ยังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนมากไม่เคยรู้ คือเราควรเลือกที่จะวัดสายตาประกอบแว่นกับผู้ที่เชี่ยวชาญและมีความรู้ด้าน "ทัศนมาตรศาสตร์" เพื่อจะนำพาไปสู่ขั้นตอนของการตัดแว่นและเลือกเลนส์ที่เหมาะสมเพื่อทำการปรับสมดุลภาพในการมองเห็น
ถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่าผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูนักนี้ เก่งและชำนาญในเรื่องใด มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน และเขาเหล่านั้นศึกษาอะไรกันมาบ้าง
เริ่มต้น “ดร.สุทธิลักษณ์ ณ ตะกั่วทุ่ง” อาจารย์ประจำสาขาคณะทัศนมาตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต อธิบายแนะนำถึงหลักสูตรทัศนศาสตร์ว่า เป็นหลักสูตรสำหรับคนที่สนใจเรียนเกี่ยวกับทางด้านสายตา ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นการตรวจและวินิจฉัยปัญหาทางด้านสายตาและสุขภาพตาอย่างเจาะลึกเพื่อเป็นตัวช่วยสำหรับผู้มีความผิดปกติทางด้านการมองเห็น ซึ่งจากเดิมสาขาวิชานี้ไม่ค่อยจะมีคนรู้จักเท่าไรนัก หากเปรียบเทียบกับต่างประเทศ แต่เมื่อธุรกิจร้านวัดสายตาประกอบแว่นมีเพิ่มมากขึ้น และระบุให้ทางร้านมีผู้ประกอบโรคศิลปะให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2545ก็มีคนรู้จักอาชีพนี้และการเรียนสาขานี้มากขึ้น
“หลักๆ คนส่วนใหญ่รู้ว่าสาขานี้เป็นการเรียนการสอนที่เกี่ยวกับระบบสายตา ซี่งสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ว่า สาขาวิชานี้ เน้นความเข้าใจในระบบลูกตาที่ซับซ้อนที่เน้นในการนำความรู้ด้านวิทยาศาตสตร์การแพทย์และฟิสิกส์ด้านแสงเลนส์สายตามาใช้ในการตรวจวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาของระบบการมองเห็นของมนุษย์รวมไปทั้งการฝึกปฎิบัติการเรียนรู้เกี่ยวกับทั้งอุปกรณ์ต่างๆที่เข้ามาใช้ตรวจวัดสายตาด้วย ”
อาจารย์ด้านทัศนมาตรศาสตร์รายนี้กล่าวเพิ่มว่า สาขานี้ไม่ได้เรียนรู้เพื่อนำความรู้ไปวัดสายประกอบแว่นเท่านั้น แต่ผู้เรียนต้องเรียนรู้เพื่อไปปฎิบัติงานกับคนผู้ป่วยโดยตรง โดยอาศัยหลักการเรียนรู้และความชำนาญ โดยคำนึงถึงความเป็นไปของระบบต่างๆในร่างกายผู้ป่วย ส่วนเรื่องของการตัดแว่นจะเป็นหน้าที่ของช่างฝีมือ
“ นักทัศนมาตรศาสตร์ไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะเกี่ยวกับสายตาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการทำงานวิเคราะห์โรคจากลักษณะอาการ และระบุการดูแลสายตาที่ถูกต้องให้ผู้ป่วย ตลอดจนตรวจวัดสายตาและเลือกเลนส์ที่เหมาะสมให้ได้ ซึ่งหน้าที่ของการทำแว่นหรือเลนส์ ก็จะเป็นความถนัดของบุคลากรระดับช่างฝีมือ อย่าง ช่างประกอบแว่นสายตา และนักทัศนมาตรศาสตร์ก็จะตรวจเช็คลักษณะแว่นกับอาการป่วยสายตาว่าสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ ในขณะที่การรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่ดวงตาจะเป็นหน้าที่ของจักษุแพทย์”ดร.จิรวัฒน์กล่าวให้เห็นชัดขึ้น
ส่วนด้านหลักวิชาต่างๆในหลักสูตรเรียนอะไรกันบ้าง
“น้องเอ- ศิริลักษณ์ จิตตรง”นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะทัศนะศาสตร์ ม.รังสิตช่วยถ่ายทอดรายละเอียดให้ว่าฟังว่าสาขานี้เหมาะกับคนที่เรียนจบสายวิทย์สมัยม.ปลาย เพราะช่วงปี1-2จะต้องเรียนหนักทางด้านวิทยาศาสตร์เบื้องต้น ก่อนจะปูเข้าสู่การเรียนรู้ระบบสายตา ช่วงปีที่ 3 ซึ่งมีทั้งการเรียนรู้เกี่ยวกับโรคตา การตรวจวัดสายตาที่ผู้เรียนจะต้องอาศัยการท่องจำและเข้าใจอย่างสูงเพราะจะต้องวิเคราะห์อาการของลูกตาให้ถูกต้องจากนั้นปีที่ 4 จะเป็นช่วงของการออกหน่วยฝึกงาน และเรียนรู้กรณีศึกษาที่นับว่าสำคัญมาก
“ ทั้งสี่ปีนี้ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถแต่จะต้องใช้ความตั้งใจเท่านั้นเพราะเรื่องของระบบสายตาเป็นรายละเอียดที่ซับซ้อนและเป็นส่วนสำคัญของร่างกายที่เกิดปัญหากันเยอะ โดยการเรียนนั้นต้องบอกเลยว่าช่วงปี 4 นั้นจะเป็นช่วงที่ได้นำวิชาออกมาศึกษาเรียนรู้และทำความเข้าใจกับเคสมากที่สุด พอปี 4 จะได้มีโอกาสไปฝึกงานและก็จะได้เจอเคสต่างๆที่เราจะต้องศึกษาเป็นกรณีพิเศษ และส่วนใหญ่นศ.ฝึกงานก็จะเจอเคสไม่ต่างกัน ก็คือ เคสตาเป็นต้อต่างๆ โดยเราก็จะต้องดูลักษณะอาการแนวทางการรักษาและทำความเข้าใจเพื่อศึกษาสถิติของระดับอาการและเสริมสร้างทักษะและความชำนาญให้ตัวเองได้เรียนรู้มากขึ้น”
นักศึกษาคนเก่งอธิบายและกล่าวต่อถึงอนาคตของสาขานี้ว่า เหมือนสาขาทั่วไป ที่ศึกษาจบแล้วจะปรากฎทางเลือกอยู่ 2 แนวทาง หนึ่งคือการไปศึกษาต่อ หรือ สองคือการออกหางานทำเก็บประสบการณ์
“ แนวทางแรกเรียนจบแล้วทำงาน และถ้าเกิดเราเลือกงานก็คงยังมีโอกาสในตลาดอยู่น้อยเพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่ถ้าหากไม่เลือกมากนัก ก็จะมีงานที่เป็นร้านวัดสายตาประกอบแว่นรองรับอยู่หลากหลายที่ โดยส่วนของเงินเดือนจะเริ่มต้นอยู่ที่ 12,000 -15,000 บาทแต่ถ้าหากอยากจะได้งานราชการ ตรงนี้ยังไม่มีการระบุตำแหน่งโดยตรง เพราะทัศนมาตรศาสตร์เป็นสาขาใหม่ จึงทำให้หลายคนก็เลือกที่จะไปเรียนต่อกันมากกว่า ส่วนมหาวิทยาลัยที่เรียนต่อขณะนี้ก็ยังไม่มีเปิดในประเทศไทยเช่นกัน จะมีก็แต่ต่างประเทศอย่างออสเตรเลียหรือฟิลิปปินส์ เป็นต้น”
ถึงตรงนี้หลายคนอาจสงสัยว่าผู้เชี่ยวชาญในสาขาที่ไม่ค่อยจะคุ้นหูนักนี้ เก่งและชำนาญในเรื่องใด มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน และเขาเหล่านั้นศึกษาอะไรกันมาบ้าง
เริ่มต้น “ดร.สุทธิลักษณ์ ณ ตะกั่วทุ่ง” อาจารย์ประจำสาขาคณะทัศนมาตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต อธิบายแนะนำถึงหลักสูตรทัศนศาสตร์ว่า เป็นหลักสูตรสำหรับคนที่สนใจเรียนเกี่ยวกับทางด้านสายตา ซึ่งเป็นหลักสูตรที่เน้นการตรวจและวินิจฉัยปัญหาทางด้านสายตาและสุขภาพตาอย่างเจาะลึกเพื่อเป็นตัวช่วยสำหรับผู้มีความผิดปกติทางด้านการมองเห็น ซึ่งจากเดิมสาขาวิชานี้ไม่ค่อยจะมีคนรู้จักเท่าไรนัก หากเปรียบเทียบกับต่างประเทศ แต่เมื่อธุรกิจร้านวัดสายตาประกอบแว่นมีเพิ่มมากขึ้น และระบุให้ทางร้านมีผู้ประกอบโรคศิลปะให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ.2545ก็มีคนรู้จักอาชีพนี้และการเรียนสาขานี้มากขึ้น
“หลักๆ คนส่วนใหญ่รู้ว่าสาขานี้เป็นการเรียนการสอนที่เกี่ยวกับระบบสายตา ซี่งสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ว่า สาขาวิชานี้ เน้นความเข้าใจในระบบลูกตาที่ซับซ้อนที่เน้นในการนำความรู้ด้านวิทยาศาตสตร์การแพทย์และฟิสิกส์ด้านแสงเลนส์สายตามาใช้ในการตรวจวินิจฉัยและแก้ไขปัญหาของระบบการมองเห็นของมนุษย์รวมไปทั้งการฝึกปฎิบัติการเรียนรู้เกี่ยวกับทั้งอุปกรณ์ต่างๆที่เข้ามาใช้ตรวจวัดสายตาด้วย ”
อาจารย์ด้านทัศนมาตรศาสตร์รายนี้กล่าวเพิ่มว่า สาขานี้ไม่ได้เรียนรู้เพื่อนำความรู้ไปวัดสายประกอบแว่นเท่านั้น แต่ผู้เรียนต้องเรียนรู้เพื่อไปปฎิบัติงานกับคนผู้ป่วยโดยตรง โดยอาศัยหลักการเรียนรู้และความชำนาญ โดยคำนึงถึงความเป็นไปของระบบต่างๆในร่างกายผู้ป่วย ส่วนเรื่องของการตัดแว่นจะเป็นหน้าที่ของช่างฝีมือ
“ นักทัศนมาตรศาสตร์ไม่ได้ทำหน้าที่เฉพาะเกี่ยวกับสายตาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการทำงานวิเคราะห์โรคจากลักษณะอาการ และระบุการดูแลสายตาที่ถูกต้องให้ผู้ป่วย ตลอดจนตรวจวัดสายตาและเลือกเลนส์ที่เหมาะสมให้ได้ ซึ่งหน้าที่ของการทำแว่นหรือเลนส์ ก็จะเป็นความถนัดของบุคลากรระดับช่างฝีมือ อย่าง ช่างประกอบแว่นสายตา และนักทัศนมาตรศาสตร์ก็จะตรวจเช็คลักษณะแว่นกับอาการป่วยสายตาว่าสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ ในขณะที่การรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่ดวงตาจะเป็นหน้าที่ของจักษุแพทย์”ดร.จิรวัฒน์กล่าวให้เห็นชัดขึ้น
ส่วนด้านหลักวิชาต่างๆในหลักสูตรเรียนอะไรกันบ้าง
“น้องเอ- ศิริลักษณ์ จิตตรง”นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะทัศนะศาสตร์ ม.รังสิตช่วยถ่ายทอดรายละเอียดให้ว่าฟังว่าสาขานี้เหมาะกับคนที่เรียนจบสายวิทย์สมัยม.ปลาย เพราะช่วงปี1-2จะต้องเรียนหนักทางด้านวิทยาศาสตร์เบื้องต้น ก่อนจะปูเข้าสู่การเรียนรู้ระบบสายตา ช่วงปีที่ 3 ซึ่งมีทั้งการเรียนรู้เกี่ยวกับโรคตา การตรวจวัดสายตาที่ผู้เรียนจะต้องอาศัยการท่องจำและเข้าใจอย่างสูงเพราะจะต้องวิเคราะห์อาการของลูกตาให้ถูกต้องจากนั้นปีที่ 4 จะเป็นช่วงของการออกหน่วยฝึกงาน และเรียนรู้กรณีศึกษาที่นับว่าสำคัญมาก
“ ทั้งสี่ปีนี้ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถแต่จะต้องใช้ความตั้งใจเท่านั้นเพราะเรื่องของระบบสายตาเป็นรายละเอียดที่ซับซ้อนและเป็นส่วนสำคัญของร่างกายที่เกิดปัญหากันเยอะ โดยการเรียนนั้นต้องบอกเลยว่าช่วงปี 4 นั้นจะเป็นช่วงที่ได้นำวิชาออกมาศึกษาเรียนรู้และทำความเข้าใจกับเคสมากที่สุด พอปี 4 จะได้มีโอกาสไปฝึกงานและก็จะได้เจอเคสต่างๆที่เราจะต้องศึกษาเป็นกรณีพิเศษ และส่วนใหญ่นศ.ฝึกงานก็จะเจอเคสไม่ต่างกัน ก็คือ เคสตาเป็นต้อต่างๆ โดยเราก็จะต้องดูลักษณะอาการแนวทางการรักษาและทำความเข้าใจเพื่อศึกษาสถิติของระดับอาการและเสริมสร้างทักษะและความชำนาญให้ตัวเองได้เรียนรู้มากขึ้น”
นักศึกษาคนเก่งอธิบายและกล่าวต่อถึงอนาคตของสาขานี้ว่า เหมือนสาขาทั่วไป ที่ศึกษาจบแล้วจะปรากฎทางเลือกอยู่ 2 แนวทาง หนึ่งคือการไปศึกษาต่อ หรือ สองคือการออกหางานทำเก็บประสบการณ์
“ แนวทางแรกเรียนจบแล้วทำงาน และถ้าเกิดเราเลือกงานก็คงยังมีโอกาสในตลาดอยู่น้อยเพราะภาวะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่ถ้าหากไม่เลือกมากนัก ก็จะมีงานที่เป็นร้านวัดสายตาประกอบแว่นรองรับอยู่หลากหลายที่ โดยส่วนของเงินเดือนจะเริ่มต้นอยู่ที่ 12,000 -15,000 บาทแต่ถ้าหากอยากจะได้งานราชการ ตรงนี้ยังไม่มีการระบุตำแหน่งโดยตรง เพราะทัศนมาตรศาสตร์เป็นสาขาใหม่ จึงทำให้หลายคนก็เลือกที่จะไปเรียนต่อกันมากกว่า ส่วนมหาวิทยาลัยที่เรียนต่อขณะนี้ก็ยังไม่มีเปิดในประเทศไทยเช่นกัน จะมีก็แต่ต่างประเทศอย่างออสเตรเลียหรือฟิลิปปินส์ เป็นต้น”
