12.06.2555
รับตรง นักเรียนนายร้อยตำรวจ (หญิง) ปีการศึกษา 2556
โรงเรียนนายร้อยตำรวจรับสมัครและสอบคัดเลือกบุคคลภายนอก (หญิง) เข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ ประจำปีการศึกษา 2556 จำนวนรับ 60 คน
คุณสมบัติ
- มีขนาดร่างกายสูงไม่น้อยกว่า 160 เซนติเมตร
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 16 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 21 ปี
- สำเร็จการศึกษาตาหลักสูตรชันมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า
เปิดรับสมัคร 11 ธันวาคม 2555 ถึง 11 มกราคม 2556
- มีขนาดร่างกายสูงไม่น้อยกว่า 160 เซนติเมตร
- มีอายุไม่ต่ำกว่า 16 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 21 ปี
- สำเร็จการศึกษาตาหลักสูตรชันมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า
เปิดรับสมัคร 11 ธันวาคม 2555 ถึง 11 มกราคม 2556
ระเบียบการ http://www.rpca.ac.th/docs/emer/003.pdf
เว็บไซต์หลัก http://www.rpca.ac.th
สาวน้อยคนนั้นเดินกรีดกรายเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างามราวนางแบบชั้นนำของโลก ซึ่งง่ายต่อการสะกดให้ทุกสายตาพากันจับจ้องไปยังเธอเพียงผู้เดียว
ลองคำนวณคร่าวๆ ดูแล้วอายุอานามไม่น่าจะเกินยี่สิบต้นๆ ใบหน้าสวยใสหมดจดสะอาดสะอ้าน รูปร่างแม้ดูบอบบาง แต่ก็ถูกกลบไว้ด้วยบุคลิกคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงจนหมดสิ้น เธอหยุดเหลียวมองครู่หนึ่งจนเผลอยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนก้าวเข้าไปหากลุ่มเพื่อนหญิงนับสิบคนที่กวักมือเรียก แล้วพวกเธอก็เริ่มต้นพูดคุยทักทายกันตามประสาอย่างออกรส
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม บรรยากาศยามบ่ายอันร้อนระอุคึกคักไปด้วยหญิงสาวหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนและนักศึกษาปีสุดท้าย บัณฑิตจบใหม่ พนักงานออฟฟิศสาว ตำรวจหญิง ฯลฯ ทุกคนต่างหอบแฟ้มเอกสารไว้ในอ้อมอก ทยอยเดินเข้าไปยังจุดรับสมัครซึ่งแน่นขนัดต่อคิวยาวเป็นขบวน
“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับสมัครนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้ายิ้มแย้มสดชื่นเช่นเดียวกับเพื่อนๆ ทุกคน
หญิงสาวเหล่านี้ต่างทราบข่าวการเปิดรับสมัครให้บุคคลภายนอกเข้าสมัครสอบเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง อันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบ้านเรา นับตั้งแต่การก่อตั้งมาอย่างยาวนานถึง 107 ปี ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รร.นรต.) ตามที่สื่อต่างๆ พากันประโคมข่าว จึงได้หลั่งไหลกันมาจากทั่วทุกภาคของประเทศ
“เสียงตอบรับดีมากๆ เลยครับ เปิดให้รับสมัครแค่เพียง 9 วัน จนถึงวันนี้วันสุดท้าย มียอดเด็กๆ เข้ามาสมัครสอบเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงกว่า 1.8 หมื่นคน จากจำนวนที่รับสมัครแค่ 60 คนเท่านั้น” เป็นคำบอกเล่าอันเหลือเชื่อจากปากของผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.ท.อัมรินทร์ อัครวงษ์ ซึ่งเขาเองก็ดูตกใจไม่น้อยกับยอดผู้สมัครสูงเกินความคาดหมาย
พล.ต.ท.อัมรินทร์ เล่าว่า การเปิดรับผู้หญิงเข้าศึกษาเป็นปีแรกในครั้งนี้ ไม่ถือว่าเร็วเกินไป เพราะโรงเรียนนายร้อยตำรวจชั้นนำอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกา แม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็รับผู้หญิงมาก่อนหน้านี้เป็นสิบๆ ปีแล้ว
“เราได้ทำการเตรียมการศึกษาค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้มานานมากแล้ว เดินทางไปดูงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจชั้นนำในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา ในยุโรป อย่างเยอรมนี ในเอเชียอย่าง จีน ไต้หวัน หรือเพื่อนบ้านเราอย่างเวียดนาม ลาว เขาก็มีนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงกันหมดแล้ว และยังมีมานานแล้วด้วย
ลักษณะการฝึกอบรมคือ ผู้หญิงเขาจะทะมัดทะแมง เรียนร่วมกับผู้ชาย กินอาหารก็กินด้วยกัน ฝึกก็ฝึกด้วยกัน ยกเว้นตึกนอนเท่านั้นที่แยกนอน โดยที่ได้ไปศึกษาเห็นว่าไม่มีปัญหาแล้วทุกอย่างก็ดี ตำรวจหญิงเหล่านี้ออกไปทำงานก็ไม่แพ้ผู้ชาย สามารถทำงานได้ทุกตำแหน่งหน้าที่ที่ผู้ชายจะสามารถทำได้”
สำหรับตำแหน่งหน้าที่ที่ต้องการนักเรียนนายร้อยหญิง ซึ่งจะจบออกไปเป็นตำรวจหญิงนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เล็งเห็นว่า งานตำรวจหลายอย่างทั้งในปัจจุบันและอนาคตต้องอาศัยผู้หญิง เช่น หมวดงานสอบสวน ซึ่งผู้หญิงจะมีความเข้าใจและความละเอียดอ่อนมากกว่าผู้ชาย จึงควรที่จะทำหน้าที่เป็นผู้สอบสวนในคดีที่ละเอียดอ่อนที่เกี่ยวกับเด็ก เยาวชน และสตรี ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหา เป็นผู้เสียหาย หรือเป็นพยานก็ตาม เพราะจากการคาดการณ์เกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมในอนาคตมีแนวโน้มว่า อาชญากรรมประเภทการค้ามนุษย์ อาชญากรรมประเภทการล่วงละเมิดทางเพศ หรือว่าการใช้ความรุนแรงในครอบครัวมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น
จากบทบาทหน้าที่สอบสวนของตำรวจหญิงที่อยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ รอบตัวมีแต่กองเอกสาร มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่า วันต่อๆ ไปข้างหน้า ตำรวจหญิงเหล่านี้สามารถโยกย้ายสายงานไปทำหน้าที่ลงสนาม ปราบปรามเหล่าผู้ร้ายตามท้องถนนได้ มิใช่อยู่เพียงแต่ในสถานีตำรวจเพียงเท่านั้น
“เป็นไปได้นะ วันข้างหน้าเราอาจได้เห็นมือปราบหญิงฝีมือฉกาจในประเทศเราก็ได้” ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ให้ความมั่นใจ
ยอดผู้เข้าร่วมแข่งขันสมัครสอบเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ สูงมากจนสร้างความวิตกกังวลให้แก่บรรดาหญิงสาวผู้เดินทางมาสมัครอยู่พอสมควร ย้อนกลับมาที่สาวน้อยร่างอรชรของเรา เธอชื่อว่า นุชจิรา ยศศักดิ์ วัยเพียง 18 ปี จบการศึกษาชั้น ม.6 จากโรงเรียนช่างฝีมือทหาร แม้จะเคยผ่านหลักสูตรแบบแมนๆ ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติมาบ้างประปราย แต่เธอบอกความในใจว่าถ้าตัวเองได้เป็น 1 ใน 60 ที่ได้เข้าเรียนเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงได้ ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากๆ
“มาสมัครเพราะคิดว่ามันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงค่ะ โดยส่วนตัวแล้วก็อยากเป็นตำรวจอยู่เหมือนกัน เพราะว่ามันเป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจ ได้ปกป้องดูแลประชาชน เป็นอาชีพที่มีความเสียสละ อีกอย่างตอนนี้ตำรวจหญิงมีน้อย บางทีเวลาจะทำการสืบสวนอะไรมันก็ไม่สะดวก คงจะดีถ้าเราได้มีโอกาสไปทำหน้าที่ตรงนั้น” เธอไม่ลืมบอกว่าทางบ้านของเธอสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ พ่อแม่ถึงกับกุลีกุจอหาข้อมูลใบสมัคร ทั้งพามาสมัครถึงที่นี่
จากข้อมูลใบสมัครเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงบอกว่า ผู้ที่เข้ามาเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมทั้งด้านวิชาการ ร่างกาย และจิตใจ เช่นเดียวกับนักเรียนนายร้อยตำรวจชายที่ใช้หลักสูตรเดียวกัน เป็นระยะเวลา 4 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ยศร้อยตำรวจตรี ทำหน้าที่เช่นเดียวกับตำรวจชั้นสัญญาบัตรชายอย่างเท่าเทียมกัน ต่างกันเพียงอย่างเดียวคือ เรือนนอนที่แยกส่วนเฉพาะผู้หญิง โดยมีการเพิ่มนายตำรวจหญิงเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายปกครองดูแลนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงเหล่านี้
ผู้สมัครในโครงการดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นบุคคลภายนอก ต้องมีอายุไม่เกิน 21 ปีบริบูรณ์ มีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่า ม.6 ซึ่งจะรับเข้าศึกษาจำนวน 60 คน กลุ่มที่ 2 เป็นข้าราชการตำรวจหญิง อายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ นับถึงวันเปิดรับสมัคร ในส่วนนี้รับเข้าศึกษาเพียง 10 คน และทั้ง 2 กลุ่มต้องมีส่วนสูงไม่น้อยกว่า 160 เซนติเมตร โดยการสอบจะแบ่งเป็น 3 รอบ คือ รอบแรก สอบข้อเขียนวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ รอบที่สองเป็นการสอบสมรรถภาพร่างกาย ประกอบด้วย วิ่งระยะทาง 1,000 เมตร ภายในเวลา 7 นาที และว่ายน้ำระยะทาง 50 เมตร ภายในเวลา 3 นาที ส่วนขั้นตอนการสอบข้อเขียนมีกำหนดสอบในวันที่ 8 ก.พ. ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
“ถ้าถามว่ากลัวลำบากไหม เพราะจะต้องฝึกเทียบเท่ากับผู้ชายเลย อันนี้ก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่คิดว่าคงไม่น่าจะมีปัญหาหรือสร้างความลำบากให้กับตัวเองรวมทั้งคนอื่นๆ มาก เพราะแต่ละคนที่มาสมัครก็ต้องเตรียมใจไว้แล้วทั้งนั้นว่าจะต้องเจออะไรบ้าง แล้วอีกอย่างก็เคยเรียนโรงเรียนทหารอยู่ก่อนแล้ว เรื่องความลำบาก หรือต้องฝึกรวมกับผู้ชายก็มองว่าเป็นเรื่องปกติ” ใครที่ได้เห็นแววตาของเธอยามนี้ จะเห็นว่า ดูมุ่งมั่นไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกเลยทีเดียว
ไม่ต่างอะไรไปจากหญิงสาวอีกคนที่ชื่อว่า หัทยา จันทรมุณี อายุ 20 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เธอยังเรียนไม่จบปริญญาตรี แต่ก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวลองมาสมัคร เพราะใจรักอยากเป็นตำรวจหญิง
“ถ้าได้มีโอกาสเรียน จบแล้วก็อยากกลับไปทำหน้าที่ที่บ้านเกิดค่ะ ซึ่งที่บ้านเองก็สนับสนุนให้มาด้วย เพราะว่ามันเป็นอาชีพที่ก้าวหน้า ดีใจมากค่ะที่ประเทศไทยเปิดรับนักเรียนตำรวจหญิง เพราะนี่จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้หลายๆ คนรู้ว่าผู้หญิงก็สามารถทำอะไรๆ ได้เหมือนผู้ชายทุกประการ
“ตอนนี้ก็มีไปเตรียมตัวก็คือว่ายน้ำกับวิ่ง เพราะเขาจะมีทดสอบกัน ไม่กลัวลำบากนะ เพราะถ้าคนที่อยากเป็นทหาร ตำรวจจริงๆ ก็จะต้องมีความอดทนสูง ถ้ามาฝึกแค่นิดหน่อยแล้วเหนื่อย หรือไม่สู้ ก็ไม่สามารถเป็นตำรวจที่ดีในวันข้างหน้า จริงที่ผู้ชายมีความแข็งแกร่ง มีพละกำลังมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว ก็ไม่อยากให้มองว่าถ้าผู้หญิงมาฝึกกับผู้ชายอย่างนี้แล้วจะไปเป็นตัวถ่วงหรืออะไร เพราะบางทีบางอย่างผู้หญิงก็สามารถทำได้ดีกว่าผู้ชายอีก” เธอบอก
อีกความคิดเห็นหนึ่งจากสาวน้อยนักศึกษา ชุติมา สุพงศ์ อายุ 20 ปี จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ บอกว่า เธอเป็นผู้หญิงที่มีความฝันเหมือนผู้ชาย คืออยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
“โดยส่วนตัวรักอาชีพตำรวจมานานแล้ว อยากเป็นตำรวจ เพราะอยากคืนสิ่งดีๆ ให้ประเทศให้สังคมบ้าง ที่ผ่านมาโอกาสที่จะไปยืนอยู่จุดนั้นมีน้อยมาก เมื่อที่นี่เปิดรับสมัครก็เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี แล้วทางบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เลยมาลองสมัครกับเพื่อน 5 คน ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังไว้ว่าจะต้องได้ เพราะคนสมัครก็เยอะ แล้วเขารับนิดเดียวเอง”
เรื่องของสิทธิเท่าเทียมกันระหว่างหญิงกับชายเป็นสิ่งเดียวที่ยังทำให้เธอมีความเชื่อมั่นว่า ถ้าผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ทำได้
“ตอนนี้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเรามีสิทธิเท่าเทียมกัน ถ้าจะต้องฝึกหนักก็ควรจะฝึกให้หนักเหมือนกัน ไม่อยากให้เอาเรื่องเพศมาเป็นเส้นแบ่ง เพราะตอนนี้ผู้หญิงที่สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่าผู้ชายก็มีเยอะ”
ในฐานะผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.ท.อัมรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายฝากไปยังสาวน้อยที่กำลังใกล้จะเป็นว่าที่นักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงไว้อย่างน่าคิดว่า
“อยากให้พูดฝากถึงน้องๆ ที่กำลังจะมาสมัคร โรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นสถาบันที่ก่อตั้งมายาวนาน โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ปัจจุบันนี้ก็ผลิตตำรวจชั้นสัญญาบัตรออกไปรับใช้ประชาชนมากมายหลายต่อหลายรุ่น ซึ่งตำรวจทั้งประเทศในเวลานี้มีประมาณ 2 แสนคน มีตำรวจชั้นสัญญาบัตรเพียง 2 หมื่นคนเท่านั้น หมายถึงว่า ร.ต.-พล.ต.อ. ที่เหลืออีก 1.8 แสนคน ก็คือนายสิบตำรวจชั้นประทวน
ดังนั้น หัวใจสำคัญของโรงเรียนนรต. ก็คือ สถาบันเดียวที่ผลิตนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร เพื่อจะออกไปอยู่ในกลุ่มคน 2 หมื่นคน เติมไปเรื่อยๆ ซึ่งใน 2 หมื่นคนก็มีเกษียณไป พวกคนใหม่ก็เข้าไป ดังนั้นประเทศชาติจะเป็นประเทศที่มั่นคงอยู่ได้อยู่ที่ตำรวจสัญญาบัตร 2 หมื่นคน ถ้าสัญญาบัตร 2 หมื่นคนนี่จะต้องปกครองชั้นประทวนอีก 1.8 แสนคน เพื่อที่จะดูแลประชาชนทั้งประเทศ 63 ล้านคน
ดังนั้น ถ้าตำรวจ 2 หมื่นคนเป็นตำรวจที่ดีก็จะกลายเป็นความมั่นคง และทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ก็ขอยืนยันว่าในลูกศิษย์ที่จบออกไปไม่ว่าจะเป็นนรต.ชาย ที่เป็นนายตำรวจใหม่ หรือว่านรต.หญิง ที่จะรับใหม่แล้วจบในวันข้างหน้า โรงเรียนนรต. ก็จะฝึกให้มีความรอบรู้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางวิชาการตำรวจ หรือความรู้ทางสังคมทั่วไป ทั้งยังฝึกให้มีร่างกายแข็งแรง แถมยังมีจิตใจที่เข็มแข็ง อดทน เสียสละ เป็นนายตำรวจที่เพียบพร้อมด้วยความดี ดังนั้นนรต.หญิงที่จะสมัครเข้ามาโรงเรียนนรต. ก็ยินดีต้อนรับ”
...เธอคนนั้นจากไปเหมือนตอนที่เดินเข้ามา เช่นเดียวกับหญิงสาวอีกหลายคนที่ทยอยเดินทางกลับจนหมดแล้ว
หลังจากวันสุดท้ายของการรับสมัครนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นแรกจบลง พวกเธอหญิงสาวทั้งหลายก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง นั่นคือการเตรียมความพร้อมในการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือ ฝึกร่างกายให้แข็งแรง และที่สำคัญคือ จิตใจต้องพร้อมอยู่เสมอ
ในท้ายที่สุด บทสรุปก็จะไปสิ้นสุดเมื่อวันประกาศผล...
ใครจะเป็น 1 ใน 60 นักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
รายงานโดย :อินทรชัย พาณิชกุล-นิลุบล ยี่หล้า
ลองคำนวณคร่าวๆ ดูแล้วอายุอานามไม่น่าจะเกินยี่สิบต้นๆ ใบหน้าสวยใสหมดจดสะอาดสะอ้าน รูปร่างแม้ดูบอบบาง แต่ก็ถูกกลบไว้ด้วยบุคลิกคล่องแคล่วกระฉับกระเฉงจนหมดสิ้น เธอหยุดเหลียวมองครู่หนึ่งจนเผลอยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนก้าวเข้าไปหากลุ่มเพื่อนหญิงนับสิบคนที่กวักมือเรียก แล้วพวกเธอก็เริ่มต้นพูดคุยทักทายกันตามประสาอย่างออกรส
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา ณ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม บรรยากาศยามบ่ายอันร้อนระอุคึกคักไปด้วยหญิงสาวหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนและนักศึกษาปีสุดท้าย บัณฑิตจบใหม่ พนักงานออฟฟิศสาว ตำรวจหญิง ฯลฯ ทุกคนต่างหอบแฟ้มเอกสารไว้ในอ้อมอก ทยอยเดินเข้าไปยังจุดรับสมัครซึ่งแน่นขนัดต่อคิวยาวเป็นขบวน
“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับสมัครนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้ายิ้มแย้มสดชื่นเช่นเดียวกับเพื่อนๆ ทุกคน
หญิงสาวเหล่านี้ต่างทราบข่าวการเปิดรับสมัครให้บุคคลภายนอกเข้าสมัครสอบเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง อันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบ้านเรา นับตั้งแต่การก่อตั้งมาอย่างยาวนานถึง 107 ปี ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รร.นรต.) ตามที่สื่อต่างๆ พากันประโคมข่าว จึงได้หลั่งไหลกันมาจากทั่วทุกภาคของประเทศ
“เสียงตอบรับดีมากๆ เลยครับ เปิดให้รับสมัครแค่เพียง 9 วัน จนถึงวันนี้วันสุดท้าย มียอดเด็กๆ เข้ามาสมัครสอบเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงกว่า 1.8 หมื่นคน จากจำนวนที่รับสมัครแค่ 60 คนเท่านั้น” เป็นคำบอกเล่าอันเหลือเชื่อจากปากของผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.ท.อัมรินทร์ อัครวงษ์ ซึ่งเขาเองก็ดูตกใจไม่น้อยกับยอดผู้สมัครสูงเกินความคาดหมาย
พล.ต.ท.อัมรินทร์ เล่าว่า การเปิดรับผู้หญิงเข้าศึกษาเป็นปีแรกในครั้งนี้ ไม่ถือว่าเร็วเกินไป เพราะโรงเรียนนายร้อยตำรวจชั้นนำอย่างในประเทศสหรัฐอเมริกา แม้กระทั่งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็รับผู้หญิงมาก่อนหน้านี้เป็นสิบๆ ปีแล้ว
“เราได้ทำการเตรียมการศึกษาค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้มานานมากแล้ว เดินทางไปดูงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจชั้นนำในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา ในยุโรป อย่างเยอรมนี ในเอเชียอย่าง จีน ไต้หวัน หรือเพื่อนบ้านเราอย่างเวียดนาม ลาว เขาก็มีนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงกันหมดแล้ว และยังมีมานานแล้วด้วย
ลักษณะการฝึกอบรมคือ ผู้หญิงเขาจะทะมัดทะแมง เรียนร่วมกับผู้ชาย กินอาหารก็กินด้วยกัน ฝึกก็ฝึกด้วยกัน ยกเว้นตึกนอนเท่านั้นที่แยกนอน โดยที่ได้ไปศึกษาเห็นว่าไม่มีปัญหาแล้วทุกอย่างก็ดี ตำรวจหญิงเหล่านี้ออกไปทำงานก็ไม่แพ้ผู้ชาย สามารถทำงานได้ทุกตำแหน่งหน้าที่ที่ผู้ชายจะสามารถทำได้”
สำหรับตำแหน่งหน้าที่ที่ต้องการนักเรียนนายร้อยหญิง ซึ่งจะจบออกไปเป็นตำรวจหญิงนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เล็งเห็นว่า งานตำรวจหลายอย่างทั้งในปัจจุบันและอนาคตต้องอาศัยผู้หญิง เช่น หมวดงานสอบสวน ซึ่งผู้หญิงจะมีความเข้าใจและความละเอียดอ่อนมากกว่าผู้ชาย จึงควรที่จะทำหน้าที่เป็นผู้สอบสวนในคดีที่ละเอียดอ่อนที่เกี่ยวกับเด็ก เยาวชน และสตรี ไม่ว่าจะเป็นผู้ต้องหา เป็นผู้เสียหาย หรือเป็นพยานก็ตาม เพราะจากการคาดการณ์เกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรมในอนาคตมีแนวโน้มว่า อาชญากรรมประเภทการค้ามนุษย์ อาชญากรรมประเภทการล่วงละเมิดทางเพศ หรือว่าการใช้ความรุนแรงในครอบครัวมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้น
จากบทบาทหน้าที่สอบสวนของตำรวจหญิงที่อยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำ ทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ รอบตัวมีแต่กองเอกสาร มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่า วันต่อๆ ไปข้างหน้า ตำรวจหญิงเหล่านี้สามารถโยกย้ายสายงานไปทำหน้าที่ลงสนาม ปราบปรามเหล่าผู้ร้ายตามท้องถนนได้ มิใช่อยู่เพียงแต่ในสถานีตำรวจเพียงเท่านั้น
“เป็นไปได้นะ วันข้างหน้าเราอาจได้เห็นมือปราบหญิงฝีมือฉกาจในประเทศเราก็ได้” ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ให้ความมั่นใจ
ยอดผู้เข้าร่วมแข่งขันสมัครสอบเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ สูงมากจนสร้างความวิตกกังวลให้แก่บรรดาหญิงสาวผู้เดินทางมาสมัครอยู่พอสมควร ย้อนกลับมาที่สาวน้อยร่างอรชรของเรา เธอชื่อว่า นุชจิรา ยศศักดิ์ วัยเพียง 18 ปี จบการศึกษาชั้น ม.6 จากโรงเรียนช่างฝีมือทหาร แม้จะเคยผ่านหลักสูตรแบบแมนๆ ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติมาบ้างประปราย แต่เธอบอกความในใจว่าถ้าตัวเองได้เป็น 1 ใน 60 ที่ได้เข้าเรียนเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงได้ ถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากๆ
“มาสมัครเพราะคิดว่ามันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิงค่ะ โดยส่วนตัวแล้วก็อยากเป็นตำรวจอยู่เหมือนกัน เพราะว่ามันเป็นอาชีพที่น่าภาคภูมิใจ ได้ปกป้องดูแลประชาชน เป็นอาชีพที่มีความเสียสละ อีกอย่างตอนนี้ตำรวจหญิงมีน้อย บางทีเวลาจะทำการสืบสวนอะไรมันก็ไม่สะดวก คงจะดีถ้าเราได้มีโอกาสไปทำหน้าที่ตรงนั้น” เธอไม่ลืมบอกว่าทางบ้านของเธอสนับสนุนในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ พ่อแม่ถึงกับกุลีกุจอหาข้อมูลใบสมัคร ทั้งพามาสมัครถึงที่นี่
จากข้อมูลใบสมัครเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงบอกว่า ผู้ที่เข้ามาเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมทั้งด้านวิชาการ ร่างกาย และจิตใจ เช่นเดียวกับนักเรียนนายร้อยตำรวจชายที่ใช้หลักสูตรเดียวกัน เป็นระยะเวลา 4 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ยศร้อยตำรวจตรี ทำหน้าที่เช่นเดียวกับตำรวจชั้นสัญญาบัตรชายอย่างเท่าเทียมกัน ต่างกันเพียงอย่างเดียวคือ เรือนนอนที่แยกส่วนเฉพาะผู้หญิง โดยมีการเพิ่มนายตำรวจหญิงเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายปกครองดูแลนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงเหล่านี้
ผู้สมัครในโครงการดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นบุคคลภายนอก ต้องมีอายุไม่เกิน 21 ปีบริบูรณ์ มีคุณวุฒิไม่ต่ำกว่า ม.6 ซึ่งจะรับเข้าศึกษาจำนวน 60 คน กลุ่มที่ 2 เป็นข้าราชการตำรวจหญิง อายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ นับถึงวันเปิดรับสมัคร ในส่วนนี้รับเข้าศึกษาเพียง 10 คน และทั้ง 2 กลุ่มต้องมีส่วนสูงไม่น้อยกว่า 160 เซนติเมตร โดยการสอบจะแบ่งเป็น 3 รอบ คือ รอบแรก สอบข้อเขียนวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ รอบที่สองเป็นการสอบสมรรถภาพร่างกาย ประกอบด้วย วิ่งระยะทาง 1,000 เมตร ภายในเวลา 7 นาที และว่ายน้ำระยะทาง 50 เมตร ภายในเวลา 3 นาที ส่วนขั้นตอนการสอบข้อเขียนมีกำหนดสอบในวันที่ 8 ก.พ. ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
“ถ้าถามว่ากลัวลำบากไหม เพราะจะต้องฝึกเทียบเท่ากับผู้ชายเลย อันนี้ก็ยังตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่คิดว่าคงไม่น่าจะมีปัญหาหรือสร้างความลำบากให้กับตัวเองรวมทั้งคนอื่นๆ มาก เพราะแต่ละคนที่มาสมัครก็ต้องเตรียมใจไว้แล้วทั้งนั้นว่าจะต้องเจออะไรบ้าง แล้วอีกอย่างก็เคยเรียนโรงเรียนทหารอยู่ก่อนแล้ว เรื่องความลำบาก หรือต้องฝึกรวมกับผู้ชายก็มองว่าเป็นเรื่องปกติ” ใครที่ได้เห็นแววตาของเธอยามนี้ จะเห็นว่า ดูมุ่งมั่นไม่แพ้ผู้ชายอกสามศอกเลยทีเดียว
ไม่ต่างอะไรไปจากหญิงสาวอีกคนที่ชื่อว่า หัทยา จันทรมุณี อายุ 20 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เธอยังเรียนไม่จบปริญญาตรี แต่ก็ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวลองมาสมัคร เพราะใจรักอยากเป็นตำรวจหญิง
“ถ้าได้มีโอกาสเรียน จบแล้วก็อยากกลับไปทำหน้าที่ที่บ้านเกิดค่ะ ซึ่งที่บ้านเองก็สนับสนุนให้มาด้วย เพราะว่ามันเป็นอาชีพที่ก้าวหน้า ดีใจมากค่ะที่ประเทศไทยเปิดรับนักเรียนตำรวจหญิง เพราะนี่จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ทำให้หลายๆ คนรู้ว่าผู้หญิงก็สามารถทำอะไรๆ ได้เหมือนผู้ชายทุกประการ
“ตอนนี้ก็มีไปเตรียมตัวก็คือว่ายน้ำกับวิ่ง เพราะเขาจะมีทดสอบกัน ไม่กลัวลำบากนะ เพราะถ้าคนที่อยากเป็นทหาร ตำรวจจริงๆ ก็จะต้องมีความอดทนสูง ถ้ามาฝึกแค่นิดหน่อยแล้วเหนื่อย หรือไม่สู้ ก็ไม่สามารถเป็นตำรวจที่ดีในวันข้างหน้า จริงที่ผู้ชายมีความแข็งแกร่ง มีพละกำลังมากกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว ก็ไม่อยากให้มองว่าถ้าผู้หญิงมาฝึกกับผู้ชายอย่างนี้แล้วจะไปเป็นตัวถ่วงหรืออะไร เพราะบางทีบางอย่างผู้หญิงก็สามารถทำได้ดีกว่าผู้ชายอีก” เธอบอก
อีกความคิดเห็นหนึ่งจากสาวน้อยนักศึกษา ชุติมา สุพงศ์ อายุ 20 ปี จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ บอกว่า เธอเป็นผู้หญิงที่มีความฝันเหมือนผู้ชาย คืออยากเป็นตำรวจมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว
“โดยส่วนตัวรักอาชีพตำรวจมานานแล้ว อยากเป็นตำรวจ เพราะอยากคืนสิ่งดีๆ ให้ประเทศให้สังคมบ้าง ที่ผ่านมาโอกาสที่จะไปยืนอยู่จุดนั้นมีน้อยมาก เมื่อที่นี่เปิดรับสมัครก็เห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี แล้วทางบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็เลยมาลองสมัครกับเพื่อน 5 คน ซึ่งก็ไม่ได้คาดหวังไว้ว่าจะต้องได้ เพราะคนสมัครก็เยอะ แล้วเขารับนิดเดียวเอง”
เรื่องของสิทธิเท่าเทียมกันระหว่างหญิงกับชายเป็นสิ่งเดียวที่ยังทำให้เธอมีความเชื่อมั่นว่า ถ้าผู้ชายทำได้ ผู้หญิงก็ทำได้
“ตอนนี้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเรามีสิทธิเท่าเทียมกัน ถ้าจะต้องฝึกหนักก็ควรจะฝึกให้หนักเหมือนกัน ไม่อยากให้เอาเรื่องเพศมาเป็นเส้นแบ่ง เพราะตอนนี้ผู้หญิงที่สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่าผู้ชายก็มีเยอะ”
ในฐานะผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ พล.ต.ท.อัมรินทร์ กล่าวทิ้งท้ายฝากไปยังสาวน้อยที่กำลังใกล้จะเป็นว่าที่นักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงไว้อย่างน่าคิดว่า
“อยากให้พูดฝากถึงน้องๆ ที่กำลังจะมาสมัคร โรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นสถาบันที่ก่อตั้งมายาวนาน โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ปัจจุบันนี้ก็ผลิตตำรวจชั้นสัญญาบัตรออกไปรับใช้ประชาชนมากมายหลายต่อหลายรุ่น ซึ่งตำรวจทั้งประเทศในเวลานี้มีประมาณ 2 แสนคน มีตำรวจชั้นสัญญาบัตรเพียง 2 หมื่นคนเท่านั้น หมายถึงว่า ร.ต.-พล.ต.อ. ที่เหลืออีก 1.8 แสนคน ก็คือนายสิบตำรวจชั้นประทวน
ดังนั้น หัวใจสำคัญของโรงเรียนนรต. ก็คือ สถาบันเดียวที่ผลิตนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร เพื่อจะออกไปอยู่ในกลุ่มคน 2 หมื่นคน เติมไปเรื่อยๆ ซึ่งใน 2 หมื่นคนก็มีเกษียณไป พวกคนใหม่ก็เข้าไป ดังนั้นประเทศชาติจะเป็นประเทศที่มั่นคงอยู่ได้อยู่ที่ตำรวจสัญญาบัตร 2 หมื่นคน ถ้าสัญญาบัตร 2 หมื่นคนนี่จะต้องปกครองชั้นประทวนอีก 1.8 แสนคน เพื่อที่จะดูแลประชาชนทั้งประเทศ 63 ล้านคน
ดังนั้น ถ้าตำรวจ 2 หมื่นคนเป็นตำรวจที่ดีก็จะกลายเป็นความมั่นคง และทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ก็ขอยืนยันว่าในลูกศิษย์ที่จบออกไปไม่ว่าจะเป็นนรต.ชาย ที่เป็นนายตำรวจใหม่ หรือว่านรต.หญิง ที่จะรับใหม่แล้วจบในวันข้างหน้า โรงเรียนนรต. ก็จะฝึกให้มีความรอบรู้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ทางวิชาการตำรวจ หรือความรู้ทางสังคมทั่วไป ทั้งยังฝึกให้มีร่างกายแข็งแรง แถมยังมีจิตใจที่เข็มแข็ง อดทน เสียสละ เป็นนายตำรวจที่เพียบพร้อมด้วยความดี ดังนั้นนรต.หญิงที่จะสมัครเข้ามาโรงเรียนนรต. ก็ยินดีต้อนรับ”
...เธอคนนั้นจากไปเหมือนตอนที่เดินเข้ามา เช่นเดียวกับหญิงสาวอีกหลายคนที่ทยอยเดินทางกลับจนหมดแล้ว
หลังจากวันสุดท้ายของการรับสมัครนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นแรกจบลง พวกเธอหญิงสาวทั้งหลายก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง นั่นคือการเตรียมความพร้อมในการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือ ฝึกร่างกายให้แข็งแรง และที่สำคัญคือ จิตใจต้องพร้อมอยู่เสมอ
ในท้ายที่สุด บทสรุปก็จะไปสิ้นสุดเมื่อวันประกาศผล...
ใครจะเป็น 1 ใน 60 นักเรียนนายร้อยตำรวจหญิงรุ่นประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
รายงานโดย :อินทรชัย พาณิชกุล-นิลุบล ยี่หล้า
Credit http://campus.sanook.com/u_life/knowledge_05070.php